สวัสดีคร้าบ พ่อแม่พี่น้องครอบครัวกรรมกรทุกท่าน วันนี้นู๋ตู่ขอมาแบ่งปันประสบการณ์อันโชคร้ายมาถ่ายทอดให้กับพี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน ไว้เป็นข้อมูล ความรู้ แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในเรื่องของการสั่งโมเดลเข้ามาแล้วเกิดความเสียหายจากการเปิดกล่อง เพื่อประเมินภาษีอากรขาเข้าจากเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และอีกปัญหาที่สำคัญ คือ ภาษีอากรขาเข้าของโมเดลชิ้นนั้น ถูกประเมินสูงเกินกว่าความเป็นจริง(ที่จะรับได้)
ทำให้โดนเก็บภาษีอากรขาเข้า + ภาษีภายในประเทศ 7% + ค่าดำเนินการของไปรษณีย์อีก ซึ่งในค่าใช้จ่ายส่วนหลังสุด ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เราเป็นคนเดินทางไปรับเองถึงที่ทำการไปรษณีย์ ขณะที่ถ้าโมเดลไม่โดนเก็บภาษี แล้วไปรษณีย์มาส่งถึงหน้าบ้าน กลับเสียค่าธรรมเนียมการนำจ่ายพัสดุเพียงแค่ 7 บาทเท่านั้น ดังนั้นก่อนที่จะรู้ถึงวิธีการแก้ไขปัญหา และการดำเนินการต่างๆ นู๋ตู่อยากให้พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านลองศึกษาข้อมูลของพิธีการศุลกากรไปรษณีย์ ที่เป็นขั้นตอนในการประเมินภาษีอากรขาเข้ากันก่อนนะคร้าบ
การคัดแยกสิ่งของส่งทางไปรษณีย์เพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากรสิ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยทางไปรษณีย์ จะถูกเปิดตรวจโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อตรวจคัดแยกในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ก่อนส่งมอบให้กับผู้มีชื่อรับของ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1: ของยกเว้นอากร คือ ของที่มีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. ของแต่ละหีบห่อมีราคา ไม่เกิน 1,000 บาท หรือ
2. ตัวอย่างสินค้าที่ใช้ได้แต่เพียงเป็นตัวอย่างและไม่มีราคาในทางการค้า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นผู้นำของไปส่งมอบให้แก่ผู้มีชื่อรับของตามที่อยู่ที่ผู้ฝากส่งระบุไว้ที่หน้าหีบห่อ
ประเภทที่ 2: ของต้องชำระอากร คือ ของที่ส่งจากผู้ส่งคนหนึ่งถึงผู้รับคนหนึ่งในคราวเดียวกัน หรือเข้ามาถึงพร้อมกัน ไม่ว่าจะมีกี่หีบห่อ หากมีราคา FOB ( Free On Board ) รวมกันไม่เกิน 40,000 บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) และ ไม่เป็นของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือ ไม่เป็นของต้องส่งตัวอย่างวิเคราะห์สินค้าก่อนปล่อย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคาและค่าอากรแล้วส่งมอบของให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำส่งไปที่ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้มีชื่อรับของและเรียกเก็บอากรแทนกรม ศุลกากร โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออก ?ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ? และส่งไปให้ผู้มีชื่อรับของเพื่อแจ้งให้ไปรับของและชำระอากร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่ระบุไว้ในใบแจ้งฯ โดยที่ทำการไปรษณีย์จะเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินแทนกรมศุลกากร
ประเภทที่ 3: ของอื่นๆ นอกจากประเภทที่ 1 และ 2 เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะส่งมอบของให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้า และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออก ?ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ?( NOTIFICATION TO COLLECT TNTERNATIONAL POSTAL ITEMS ) แล้วส่งไป ให้ผู้มีชื่อรับของ เพื่อแจ้งให้ไปปฏิบัติพิธีการศุลกากรและขอรับของ ณ ส่วนบริการศุลกากร ไปรษณีย์และอากาศยาน ถนนรองเมือง หรือด่านศุลกากรที่ระบุไว้ในใบแจ้งฯ
การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของประเภทที่ 3 สามารถดำเนินการได้ 2 แบบ คือ
1. กรณีของมีราคาเกินกว่า 40,000 บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) ผู้รับของจะต้องจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าระบบคอมพิวเตอร์กรมศุลกากร (ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน จัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าและมี Service Counter ให้บริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์)
2. กรณีของมีราคาไม่เกิน 40,000 บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) ผู้รับของไม่ต้องจัดทำใบขนสินค้าขา เข้า โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคาและจัดเก็บค่าภาษีอากร ณ จุดเดียวกัน
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อขอรับสิ่งของ1. กรณีขอรับสิ่งของด้วยตนเอง 1.1 ?ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ?
1.2 บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรที่ทางราชการออกให้ของผู้มีชื่อรับของที่ระบุในใบแจ้ง
2. กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นขอรับสิ่งของแทน 2.1 ?ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ? โดยให้ผู้มีชื่อรับของบันทึก รายละเอียดการมอบอำนาจให้แก่ผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองทั้ง 2 ฝ่าย ที่ด้านหลังใบแจ้งฯ
2.2 สำเนา บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ (ลงนามรับรองสำเนา)
2.3 บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
3. กรณีผู้มีชื่อรับของเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด 3.1 ?ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ? และให้ผู้มีอำนาจลงนามพร้อมประทับตราบริษัทฯ ที่ด้านหลังใบแจ้งฯ
3.2 สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของหรือผู้จัดการ หรือสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารผูกพันนิติบุคคลนั้นๆ (ลงนามรับรองสำเนา) และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
3.3 สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ห้างฯ ร้าน และลงนามรับรองสำเนาพร้อมประทับตราบริษัทฯ
หมายเหตุ : ผู้รับมอบอำนาจจะมอบอำนาจต่อให้บุคคลที่สามอีกไม่ได้